รู้ไว้จะดีมาก! หมอเจออีกเคส เป็นมะเร็งผิวหนัง ต้นเหตุมาจากนิสัย การอาบน้ำ แบบหลายคนชอบทำ
รู้ไว้จะดีมาก! หมอเจออีกเคส เป็นมะเร็งผิวหนัง ต้นเหตุมาจากนิสัย การอาบน้ำ แบบหลายคนชอบทำ
การอาบน้ำเป็นการทำความสะอาดร่างกาย เพื่อชำระสิ่งสกปรกและเพิ่มความสดชื่นให้กับตัวเอง แต่การอาบน้ำในทางที่ผิดอาจทำให้คุณใกล้ชิดกับโรคมะเร็งมากขึ้นนะ เรื่องนี้หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ ดังเช่นกรณีของ คุณหลิว หญิงชาวจีนอายุ 40 ปี เป็นแม่บ้านทั่วไป ใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตเพื่อดูแลครอบครัวและทำงานบ้าน เธอใส่ใจเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยเป็นพิเศษ
แต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คุณหลิวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น โรคมะเร็งผิวหนัง ซะอย่างงั้น ซึ่งทำให้เธอตกใจมากๆ เพราะไม่คาดคิดมาก่อน ในเมื่อเธอใช้ชีวิตอย่างถูกสุขอนามัยมาตลอด แล้วจะเป็นมะเร็งผิวหนังได้อย่างไร คุณหลิวจึงได้เดินทางไปพบแพทย์ที่มีประสบการณ์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง และหลังจากซักถามคุณหลิวอย่างละเอียดเกี่ยวกับนิสัยการใช้ชีวิต และประวัติการรักษาของครอบครัวของเธอ แพทย์ก็พบสาเหตุที่เป็นไปได้ มันเกี่ยวข้องกับนิสัยการอาบน้ำของเธอ
โดยแพทย์อธิบายให้คุณหลิวฟังว่า แม้การอาบน้ำจะเป็นนิสัยด้านสุขอนามัยที่ดี แต่การอาบน้ำมากเกินไป โดยเฉพาะการใช้น้ำที่ร้อนเกินไป ก็อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังได้ น้ำร้อนสามารถดึงชั้นของผิวหนัง น้ำมันป้องกันบนผิวหนังออกไปได้ และเมื่อเวลาผ่านไป การทำงานของเกราะป้องกันตามธรรมชาติของผิวหนังก็จะลดลง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้
นอกจากนี้ หากคุณไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นหลังอาบน้ำ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ ก็จะเป็นสาเหตุของภาวะนี้ ปกติคุณใช้เจลอาบน้ำชนิดไหนในการอาบน้ำ ใช้โลชั่นและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชนิดไหน
คุณหลิวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า เธอใช้เฉพาะแบรนด์ยอดนิยมในตลาดเท่านั้น และไม่เคยใส่ใจเป็นพิเศษกับส่วนผสมของพวกมันเลย แพทย์จึงแนะนำให้เธอตรวจสอบรายการส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เมื่อกลับถึงบ้าน เพื่อดูว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีสารเคมี เช่น ซัลเฟต แอลกอฮอล์ และสารกันบูดบางชนิด ที่อาจทำลายผิวหนังได้หรือไม่
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา คุณหลิวได้กลับมาเพื่อตรวจอีกครั้ง หลังจากปรับตัวตามคำแนะนำของแพทย์ เธอสังเกตเห็นว่าผิวของเธอไม่แห้งเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป และปัญหาผิวของเธอก็ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังพบว่า คุณหลิวชอบออกไปเดินเล่นในตอนเช้าหรือตอนเย็น แต่ไม่ค่อยสนใจว่าจะทาครีมกันแดดหรือไม่ ที่จริงแล้วรังสีอัลตราไวโอเลตสามารถก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อผิวหนังได้ อย่าคิดว่าในวันที่มีเมฆมากหรือในฤดูหนาว รังสีอัลตราไวโอเลตไม่สามารถทำร้ายผิวได้ ดังนั้น แพทย์จึงแนะนำให้คุณหลิวใช้ครีมกันแดด และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป
เท่านั้นยังไม่พอ แพทย์ยังแนะนำให้คุณหลิวเพิ่มการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และเชอร์รี่ รวมถึงอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันคิวเมก้า-3 เช่น ปลา และเมล็ดแฟลกซ์ ซึ่งสามารถช่วยรักษาสุขภาพผิวและความยืดหยุ่นได้
ทั้งนี้ แพทย์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความชุ่มชื้นที่เหมาะสม การรักษาความชื้นที่เพียงพอ ไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น สำหรับผิว ความชื้นที่เหมาะสมสามารถเสริมสร้างการทำงานของเกราะป้องกัน ลดการอักเสบและความแห้งกร้านด้วย
ขอบคุณข้อมูล SOHA